“เสธธา” บุกจีน ททท.มั่นใจต่างชาติมาเยือนไทยปีนี้ 25 ล้านคน ผนึก 8 พันธมิตรรายใหญ่ของจีน ร่วมลงนามสนับสนุนให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ดันนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน จัด 4 งานใหญ่บูมการท่องเที่ยวส่งท้ายปี
นางสาวฐาปนี เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) เปิดเผยกับ “ตันเศรษฐกิจ” ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังคงมั่นใจว่าปีนี้ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนถึง 25 ล้านคนแน่นอน แม้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ก็ตาม จะมีเหตุกราดยิง.. ที่สยามพารากอนและสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ททท.จะเน้นกระตุ้นตลาดอย่างเต็มที่ในช่วงไฮซีซั่นนี้
ในส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นตลาดการท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย ททท. จะลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับพันธมิตรชั้นนำของจีน 8 ราย ได้แก่ 1. Trip.com 2. Ant International (Alipay) 3. Meituan 4. Huawei 5. Spring Airlines 6. Xinhua Net 7. iQIYI และ 8. JegoTrip เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ปักกิ่ง
ก็จะมีนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคม ณ กรุงปักกิ่ง และจะเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันนั้น วันที่ 19 ตุลาคม นี้ถึงจีนแล้ว มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
พันธมิตรเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ในจีน เช่น สายการบิน บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) และผู้ให้บริการเกตเวย์การชำระเงินของจีน เพื่อร่วมกันจัดโปรโมชั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว
ททท.ยังคงตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคนในปี 2566 จากเหตุการณ์กราดยิง ส่งผลต่อบรรยากาศและอารมณ์ (Sensiment) ของชาวจีน โดยเฉพาะในโลกโซเชียล 1-3 วันหลังเกิดเหตุ ซึ่งส่งผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ ททท. ยังเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ดึงพลังอันอ่อนโยน และความเป็นมิตรของคนไทย ผ่าน Thais Always Care กระตุ้นตลาดจีน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเฉพาะ (วัฒนธรรมย่อย) เช่น กลุ่ม “บอย เลิฟ ซีรีส์” กลุ่มแฟนคลับของศิลปินที่มาจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทย เช่น ล่าสุด “เจย์ โชว” (Jay Chou) มี เพิ่มจำนวนคอนเสิร์ตในไทยในช่วงต้นเดือนธันวาคม ..ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จะมี 2 รอบ ความจุประมาณ 50,000 ที่นั่งต่อรอบ เป็นต้น
นอกจากนี้ ททท. อยู่ระหว่างเสนอแผนส่งเสริมให้รัฐบาลใช้งบประมาณกลางประมาณ 600 ล้านบาท กระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นนี้ สิ่งสำคัญคือการทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบิน ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การรณรงค์กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว
การจัดกิจกรรมหรืองานต่างๆ ในระดับที่ใหญ่ขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ โดยเราจะเน้น 4 กิจกรรมหลักในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ได้แก่ เทศกาลลอยกระทง ซึ่งททท. จะจัดงานใหญ่ที่คลองผดุงกรุงเกษม . เทศกาลแสงสีเสียงวิจิตรเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค. 2566 งาน Amazing Thailand Marathon Bangkok วันที่ 3 ธ.ค. และกิจกรรมนับถอยหลัง ททท.จะจัดขึ้นที่วัดอรุณ และร่วมกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมอันยิ่งใหญ่
นางสาวสุดาวรรณ วังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นนี้ นอกจากมาตรการของรัฐบาลที่จะยกเว้นวีซ่า (Visa Exemption) หรือวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน เป็นระยะเวลา 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 จะเป็นในเร็วๆ นี้ ล่าสุดจะมีการนำมาตรการวีซ่าเพิ่มเติมในระยะที่ 2 ซึ่งอาจเป็นการขอวีซ่าฟรีหรือขยายระยะเวลาการพำนักในประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในตลาดเป้าหมายซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยเพื่อหาข้อสรุปก่อนประกาศเพิ่มเติม
นอกจากนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสงกรานต์ปีหน้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแผนดำเนินโครงการ 4 โครงการ โดยขอใช้งบประมาณกลางกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยที่เดินทางมาประเทศไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยด้วยงบประมาณ 600 ล้านบาท เพราะการจัดสรรงบประมาณปี 2567 ยังคงต้องใช้เวลา เวลา. ปัจจุบันการใช้จ่ายเงินภายใต้กรอบงบประมาณปี 2566 ก่อน จะทำให้ไม่สามารถใช้งบประมาณเป็นผู้สนับสนุนการท่องเที่ยวได้ ถึงแม้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นแล้วก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวได้ส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อจัดทำและรอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
แผนบูสเตอร์ช็อก ใช้งบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นประเทศและจัดกิจกรรมภายในประเทศ งบประมาณ 500 ล้านบาท และกระตุ้นตลาดต่างประเทศ งบประมาณ 100 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 โครงการ : 1. สิทธิพิเศษหนังสือเดินทางไทยแลนด์ ทุ่มงบ 150 ล้านบาท ตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยมุ่งเพิ่มการจับจ่ายและขยายฐานลูกค้าใหม่จากต่างประเทศ 2. Thailand Festival Experience 5 ภาค งบ 200 ล้านบาท คาดสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,100 ล้านบาท 3. Marketing & PR Forced-move งบ 150 ล้านบาท คาดผลตลาดทั่วโลกทุกทวีป 30,000 ล้านบาท 4. The Link Local to Global งบ 100 ล้านบาท สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 560 ล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวจะเสนอให้โครงการ Digital Wallet พิจารณาความเป็นไปได้ในการนำเงินส่วนหนึ่ง 10,000 บาท มาให้ประชาชนใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเมืองรอง เช่น อาจจัดสรรเงินไว้ใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดได้ 3,000 บาท และสินค้าอุปโภคบริโภคอีก 7,000 บาท ภายในรัศมีที่กำหนด เป็นต้น